Month: เมษายน 2020

กลับมาเป็นเพื่อน

วันหนึ่งคุณแม่กับลูกสาวนั่งอยู่ในคริสตจักร ระหว่างการนมัสการมีการเปิดโอกาสให้ผู้ที่รับการยกโทษจากพระเจ้าได้เดินออกมาหน้าที่ประชุม ทุกครั้งที่มีคนเดินออกมา เด็กหญิงจะปรบมือ “ขอโทษจริงๆค่ะ” ผู้เป็นแม่บอกผู้นำคริสตจักรในภายหลัง “ฉันอธิบายให้ลูกสาวฟังว่าการกลับใจใหม่ทำให้เราได้กลับเป็นเพื่อนกับพระเจ้าอีกครั้ง และเธอแค่อยากจะให้กำลังใจทุกคน”

คำพูดของแม่อธิบายถึงพระกิตติคุณได้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งเราเป็นศัตรูกับพระเจ้า แต่เรากลับคืนดีกับพระองค์โดยการสิ้นพระชมน์และการเป็นขึ้นของพระเยซู (รม.5:9-10) เวลานี้เราเป็นเพื่อนกับพระเจ้า และเนื่องจากเราเองเป็นผู้ทำลายมิตรภาพนี้ (ข้อ 8) การกลับใจจึงเป็นส่วนของเราที่จะทำให้กระบวนการคืนดีสำเร็จ การตอบสนองของเด็กหญิงเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะแม้สวรรค์ยังยินดีเมื่อมีหนึ่งคนกลับใจ (ลก.15:10) เด็กหญิงร่วมสะท้อนเสียงปรบมือนั้นโดยไม่รู้ตัว

พระเยซูอธิบายพันธกิจการคืนดีของพระองค์ว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยน.15:13) การทรงเสียสละด้วยมิตรภาพนี้ทำให้เราได้เป็นเพื่อนกับพระองค์ “เราจะไม่เรียกท่านทั้งหลายว่าบ่าวอีก...แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย” (15:15) ครั้งหนึ่งเราเป็นศัตรูกับพระเจ้า แต่บัดนี้เป็นเพื่อนของพระองค์ นี่เป็นความคิดที่น่าตื้นตันใจ และมีค่าควรแก่การปรบมือ

การปฏิวัติด้วยบทเพลง

สิ่งใดจุดชนวนการปฏิวัติขึ้น ปืน ระเบิด หรือสงครามกองโจร สำหรับเอสโตเนียช่วงปลายทศวรรษ 1980 มันคือบทเพลง หลังจากผู้คนต้องอยู่ภายใต้ระบอบของโซเวียต การเคลื่อนไหวเริ่มขึ้นจากการร้องเพลงถึงความรักชาติ จนนำไปสู่ “การปฏิวัติด้วยบทเพลง” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกอบกู้อิสรภาพในปี 1991

เว็บไซต์หนึ่งพูดถึงการเคลื่อนไหวนี้ว่า “นี่เป็นการปฏิวัติโดยสงบที่ล้มล้างการปกครองที่ใช้ความรุนแรง การร้องเพลงคือการรวมพลังของชาวเอสโตเนียในระยะเวลาห้าสิบปีภายใต้การปกครองของโซเวียต”

ดนตรีมีส่วนสำคัญที่ช่วยเราฝ่าฟันช่วงเวลาอันเลวร้ายได้ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เราเชื่อมโยงกับพระธรรมสดุดีได้ดี ในค่ำคืนแห่งความมืดมิดฝ่ายวิญญาณ ผู้เขียนสดุดีร้องว่า “จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ยไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่ ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์และพระเจ้าของข้าพเจ้า” (สดด.42:5) เวลาที่อาสาฟผู้นำนมัสการท้อแท้สิ้นหวัง ท่านเตือนตนเองว่า “แท้จริงพระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล ต่อบุคคลผู้มีใจบริสุทธิ์” (73:1)

ในยามทุกข์ยาก ขอให้เราร่วมกับผู้เขียนสดุดีในการปฏิวัติหัวใจเราด้วยการร้องเพลง เพื่อจะเอาชนะความสิ้นหวังและความสับสนที่ครอบงำด้วยพลังความเชื่อมั่นในความรักและความสัตย์ซื่อของพระเจ้า

ความผิดพลาดของผู้พยากรณ์

เที่ยงของวันที่ 21 กันยายน 1938 ชาร์ล เพียร์ซนักอุตุนิยมวิทยาหนุ่มเตือนถึงแนวปะทะอากาศที่จะก่อให้เกิดเฮอร์ริเคนขึ้นใกล้นิวอิงแลนด์ แต่หัวหน้าหัวเราะเยาะการพยากรณ์นั้น พายุโซนร้อนจะไม่เกิดขึ้นทางตอนเหนือ

สองชั่วโมงต่อมาพายุเฮอร์ริเคนขึ้นฝั่งที่เกาะลองไอร์แลนด์ และมาถึงนิวอิงแลนด์ตอนสี่โมงเย็น ซัดเรือเข้าฝั่งและหอบบ้านเรือนลงในทะเล มีผู้เสียชีวิตมากกว่าหกร้อยคน หากพวกเขาได้รับคำเตือนจากเพียร์ซ ซึ่งมาจากฐานข้อมูลที่ชัดเจนและแผนที่อันละเอียด พวกเขาคงรอดชีวิต

แนวคิดของการเรียนรู้ว่าต้องฟังเสียงของใครนั้นมีความสำคัญในพระคัมภีร์ ในสมัยเยเรมีย์พระเจ้าเตือนให้ระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ โดยตรัสว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง กระทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆแล้งๆเขากล่าวถึงนิมิตแห่งใจของเขาเองมิใช่จากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (ยรม.23:16) พระองค์ตรัสถึงคนเหล่านั้นว่า “แต่ถ้าเขาทั้งหลายได้ยืนอยู่ในการประชุมของเราแล้ว เขาคงจะได้ป่าวร้องถ้อยคำของเราต่อประชากรของเรา” (ข้อ 22)

“ผู้พยากรณ์เท็จ” ยังคงมีอยู่ คือ “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่แนะนำโดยละเลยพระเจ้าหรือบิดเบือนพระวจนะให้เข้ากับจุดประสงค์ของตนเอง แต่โดยพระคำและพระวิญญาณของพระเจ้า พระองค์ได้ประทานสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อจะแยกแยะความเท็จออกจากความจริง เมื่อเราประเมินทุกสิ่งด้วยความจริงแห่งพระวจนะแล้ว คำพูดและชีวิตของเราจะสะท้อนความจริงนั้นไปสู่ผู้อื่น

รับการดูแล

เด็บบี้มีกิจการรับทำความสะอาดบ้านและคอยหาลูกค้าอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งเธอคุยกับลูกค้าที่บอกเธอว่า “ตอนนี้ฉันไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายนี้ได้ เพราะฉันกำลังรักษาโรคมะเร็ง” ในวินาทีนั้นเด็บบี้ตัดสินใจว่า “ผู้หญิงที่กำลังรักษาโรคมะเร็งจะไม่ถูกทอดทิ้ง พวกเธอจะได้รับบริการทำความสะอาดบ้านโดยไม่ต้องเสียเงิน” ดังนั้นในปี 2005 เธอจึงก่อตั้งองค์กรไม่แสวงกำไรขึ้นเพื่อให้บริษัทต่างๆ บริจาคเงินเป็นค่าทำความสะอาดบ้านให้แก่หญิงที่ต่อสู้กับมะเร็ง ผู้รับบริการคนหนึ่งรู้สึกมั่นใจเมื่อกลับมาถึงบ้านที่สะอาดสะอ้าน เธอบอกว่า “เป็นครั้งแรกที่ฉันเชื่อว่าฉันจะหายจากมะเร็ง”

ความรู้สึกว่าได้รับการดูแลและได้รับกำลังใจสามารถค้ำจุนเรา เมื่อเราเผชิญกับความท้าทาย การได้รู้ถึงการสถิตอยู่และการช่วยเหลือของพระเจ้าจะยิ่งนำความหวังใจมาสู่เรา สดุดี 46 เป็นพระธรรมตอนโปรดของหลายคนที่ต้องเผชิญการทดสอบได้เตือนเราว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก” และ “จงนิ่งเสียและรู้เถอะว่าเราคือพระเจ้า...เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก” พระเจ้าจอมโยธาทรงสถิตกับเราทั้งหลาย” (ข้อ 1,10-11)

การเตือนใจตัวเราเองถึงพระสัญญาและการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าเป็นทางที่จะฟื้นฟูใจเราขึ้นใหม่ และทำให้เรามีกำลังใจและความมั่นใจในการฝ่าฟันความยากลำบาก

ทรงช่วยได้

การพัก” จากงานดูแลเหตุวิกฤติของคริสตจักรในเมืองนิวยอร์กเป็นเวลา 8 สัปดาห์ของโจไม่ใช่การพักผ่อน แต่เขาบอกว่าเป็น “การที่เขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตท่ามกลางคนไร้บ้านอีกครั้ง เพื่อไปเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขา เพื่อรำลึกว่าความหิว ความเหนื่อย และการถูกลืมเป็นอย่างไร” การใช้ชีวิตข้างถนนของโจเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 9 ปีก่อน เขามาถึงเมืองพิทซ์เบิร์กโดยไม่มีทั้งงานและที่พัก เขาอดนอนใช้ชีวิตข้างถนนกับอาหารเพียงเล็กน้อยอยู่ 13 วัน พระเจ้าทรงเตรียมเขาสำหรับการทำพันธกิจกับผู้ยากไร้

เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก พระองค์ก็ทรงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเดียวกับผู้ที่พระองค์มาช่วย “บุตรทั้งหลายร่วมสายโลหิตกันฉันใด พระองค์ก็ทรงเป็นเช่นนั้นด้วย เพื่อโดยทางความตายนั้นเองพระองค์จะได้ทรงทำลายผู้ที่มีอำนาจแห่งความตายคือมารเสียได้” (ฮบ.2:14) พระเยซูทรงมีประสบการณ์แบบมนุษย์ทุกอย่างนับตั้งแต่เกิดจนตาย ยกเว้นความบาป (4:15) เพราะพระองค์มีชัยเหนือบาป พระองค์จึงทรงช่วยได้เมื่อเราถูกทดลอง

พระเยซูไม่ต้องมาทำความคุ้นเคยกับภาระฝ่ายโลกของเราอีก พระองค์ผู้ทรงช่วยกู้เรายังคงผูกพันกับเราและสนพระทัยในเราอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรในชีวิต เรามั่นใจได้ว่าพระองค์ผู้ทรงช่วยชีวิตเราจากศัตรูตัวฉกาจ คือมารนั้น (2:14) ทรงพร้อมที่จะช่วยเมื่อเราตกอยู่ในความจำเป็นที่สุด

หิวกระหายพระเจ้า

ผู้เชื่อใหม่คนหนึ่งอยากอ่านพระคัมภีร์มาก แต่เขาสูญเสียการมองเห็นและมือทั้งสองในเหตุระเบิด เมื่อได้ยินถึงหญิงที่ใช้ริมฝีปากอ่านอักษรเบรล เขาจึงลองดูแต่ก็พบว่าปลายประสาทที่ปากของเขาถูกทำลายไปด้วย ต่อมาเขาดีใจที่พบว่าเขาสัมผัสอักษรเบรลได้ด้วยลิ้น! เขาค้นพบวิธีที่จะอ่านและชื่นบานในพระวจนะได้แล้ว

ผู้พยากรณ์เยเรมีย์ชื่นบานและปีติยินดีเมื่อได้รับพระคำของพระเจ้า “เมื่อพบพระวจนะของพระองค์แล้วข้าพระองค์ก็กินเสีย พระวจนะของพระองค์เป็นความชื่นบานแก่ข้าพระองค์และเป็นความปีติยินดีแห่งจิตใจของข้าพระองค์” (ยรม.15:16) เยเรมีย์ไม่เหมือนชาวยูดาห์ที่ปฏิเสธพระวจนะ (8:9) ท่านเชื่อฟังและเปรมปรีดิ์ในพระคำ แต่การเชื่อฟังทำให้ท่านถูกเพื่อนร่วมชาติปฏิเสธและข่มเหงอย่างอยุติธรรม (15:17)

บางคนอาจมีประสบการณ์คล้ายกัน เราเคยอ่านพระคัมภีร์อย่างชื่นบาน แต่การเชื่อฟังพระเจ้านำไปสู่การทนทุกข์และถูกปฏิเสธ เรานำความสับสนเข้ามาหาพระเจ้าได้เหมือนที่เยเรมีย์ทำ พระเจ้าทรงตอบเยเรมีย์โดยย้ำถึงพระสัญญาที่มอบให้เมื่อทรงเรียกท่านให้เป็นผู้พยากรณ์ (ข้อ 19-21, ดู 1:18-19) ทรงย้ำเตือนว่าพระองค์ไม่เคยทำให้คนของพระองค์ผิดหวัง เราเองก็มั่นใจเช่นนั้นได้ พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและจะไม่มีวันทอดทิ้งเรา

จากคร่ำครวญเป็นสรรเสริญ

ณ ศูนย์รับบริจาคเสื้อโค้ทสำหรับเด็ก เด็กๆตื่นเต้นกับการหาเสื้อสีโปรดและขนาดที่พอดีตัว ผู้ประสานงานบอกว่าเด็กมีความมั่นใจมากขึ้นที่เสื้อตัวใหม่สร้างการยอมรับในหมู่เพื่อนและการไปโรงเรียนในช่วงหน้าหนาว

อัครทูตเปาโลต้องการเสื้อเช่นกัน ท่านเขียนถึงทิโมธี “จงเอาเสื้อคลุมซึ่งข้าพเจ้าได้ฝากไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสมาด้วย” (2 ทธ.4:13) ท่านต้องการความอบอุ่นและเพื่อนเมื่ออยู่ในคุกโรมันอันหนาวเย็น “ไม่มีใครเข้าข้างข้าพเจ้าสักคนเดียว เขาได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด” ท่านคร่ำ-ครวญเมื่อได้พบผู้พิพากษาชาวโรมัน (ข้อ 16) คำพูดของท่านแทงทะลุหัวใจเราด้วยความจริงอันเจ็บปวดของการเป็นมิชชันนารี

แต่คำพูดตอนท้ายในจดหมายฝากฉบับสุดท้ายของเปาโล ซึ่งเป็นการทิ้งท้ายพันธกิจอันน่าทึ่งนั้นท่านได้เปลี่ยนจากการคร่ำครวญเป็นการสรรเสริญ “แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทับอยู่ใกล้ข้าพเจ้า” (ข้อ 17) และถ้อยคำของท่านก็หนุนใจเรา เปาโลประกาศว่า “[พระเจ้า]ได้ทรงประทานกำลังให้ข้าพเจ้า ประกาศพระวจนะได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้คนต่างชาติทั้งปวงได้ยิน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงรอดพ้นจากปากสิงห์” (ข้อ 17)

ถ้าคุณกำลังอยู่ในวิกฤตการณ์ ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นหรือเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือ จงระลึกถึงพระเจ้า พระองค์ทรงสัตย์ซื่อในการฟื้นฟู จัดเตรียม และปลดปล่อย ทำไมน่ะหรือ ก็เพื่อสง่าราศีของพระองค์และเพื่อจุดมุ่งหมายของเราในอาณาจักรของพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา